top of page
Search
Writer's pictureSasee Chanprapun

กับดัก "ลูกค้าของฉัน"

Updated: Jul 28, 2021

ข้อคิดสำหรับล่าม


ในช่วงที่เราเริ่มเข้ามาสู่อาชีพใหม่ ๆ เรามักทุ่มเทกำลังไปกับตัวงาน สิ่งที่คิดคือจะทำอย่างไรให้ทำงานได้ดี ประสบความสำเร็จถึงขั้นที่สามารถยืนหยัดอยู่ในอาชีพนี้ได้ต่อไป จนเราเริ่มสะสมทักษะและประสบการณ์ เริ่มมีลูกค้าที่พอใจการทำงานของเราจนจ้างเราเป็นครั้งที่สอง ครั้งที่สาม และต่อ ๆ ไป แถมยังแนะนำเราให้ลูกค้าคนอื่นด้วย เราเริ่มมีความมั่นใจว่าจะสามารถทำอาชีพนี้ต่อไปได้ในระยะยาว และเริ่มยึดติดว่าลูกค้าเหล่านั้นเป็น "ของเรา"


ในความเป็นจริงไม่มีใครเป็นของใคร และทุกสิ่ง ทุกความสัมพันธ์ล้วนเป็นของชั่วคราว มีเหตุผลมากมายที่ลูกค้าใช้ตัดสินใจเลือกล่ามคนหนึ่ง อาจเป็นเพราะ profile ดี พูดจาไพเราะ ถูกชะตา ไม่เรื่องมาก ฯลฯ แต่ล่ามมักคิดว่าที่ตนถูกเลือกนั้นเป็นเพราะตน "แปลดี" (ซึ่งก็เป็นเรื่องอัตตวิสัยที่ต้องคุยกันอีกนานว่าแปลดีหมายความว่าอย่างไร) ลูกค้าแต่ละคนมีเหตุผลที่ไม่เหมือนกันในการเลือกล่าม แต่โดยรวมแล้วเหตุที่ล่ามคนนั้นได้รับเลือกเป็นเพราะเขามีคุณสมบัติและเงื่อนไขตรงตามคุณสมบัติที่ลูกค้าต้องการและเงื่อนไขที่ลูกค้ากำหนดมากที่สุด



เราทุกคนอาจติดอยู่ในมายาคติว่า Customer is king. ไม่มากก็น้อย เราจึงพยายามโอนอ่อนตามความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุดจนไร้เหตุผล โดยคิดว่าหากเราเอาใจเขาแล้วเขาจะจ้างเราต่อไป และต่อไปอีกในระยะยาว ความกลัวที่จะเสียลูกค้าไปทำให้เรายินยอมรับเงื่อนไขที่ตัวเราเองก็รู้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควร แต่เราก็ทำเพราะลูกค้านั้นเป็น "ของฉัน" เราทนไม่ได้ที่จะเห็นเขาไปเป็นของคนอื่น


แน่นอนเงื่อนไขแรกที่ล่ามยินยอมเพื่อโอนอ่อนตามลูกค้าคือเรื่องราคา ลูกค้ามีงบจำกัด ขอลดค่าล่ามหน่อยนะ ขอให้เห็นใจ แปลให้คนไม่กี่คนฟังเท่านั้น (ความจริงจะแปลให้กี่คนฟังก็เหนื่อยเท่ากัน) พอคราวหน้ามาก็มีงบจำกัดเหมือนเดิม แถมยังบอกว่าคราวที่แล้วยังทำได้เลย คราวนี้ขอให้ช่วยอีกครั้งนึงนะ และจะเป็นเช่นนี้อีกต่อ ๆ ไป ล่ามหลายคนคงเคยเจอปัญหาลักษณะนี้ หลายคนเจ็บใจที่โดนเพื่อนล่ามด้วยกันตัดราคาไปอย่างไม่ละอายจนสามารถเล่าเรื่องเหล่านี้ได้เป็นตำนานไปอีกหลายปี


ต่อมาเป็นเรื่องสภาพการทำงานซึ่งรวมถึงจำนวนชั่วโมงการทำงานและจำนวนคนในทีมด้วย บางครั้งลูกค้าอาจบอกว่างานแปลพูดพร้อมเต็มวันงานนี้ขอจ้างล่ามแค่คนเดียวนะ (เพราะไม่มีงบจริง ๆ แต่มีงบแจกกระเป๋าเอกสารให้ผู้มาประชุมแบบอลังการมาก) แต่เดี๋ยวถ้าแปลไม่ไหวจะให้เจ้าหน้าที่ของเขามาช่วย (นั่งเป็นใบ้) อะไรทำนองนี้ หรือว่างานนี้เริ่มตั้งแต่เข้ามืดเลยนะแล้วก็แปลต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงกลางคืน แต่ขอจ้างล่ามแค่ทีมเดียว


หลายคนคงจำได้ว่าตัวเองเคยยอมจำนนแต่คำขอเหล่านี้มากี่ครั้งแล้วเพราะกลัวว่าลูกค้าจะไปหาคนอื่น ความกลัวนี้ทำให้เรายอมกลืนเลือดลงอกและก้มหน้าก้มตายอมรับเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรมเหล่านั้น มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวนเวียนไม่รู้จบเพราะเราติดกับดักความคิดของตัวเราเอง


ในความเป็นจริงแล้วลูกค้าที่จ้างเราไม่ได้เป็น "ของเรา" เขาจ้างเราเพราะสภาพการณ์ในขณะนั้นมันเหมาะสมลงตัวที่จะทำงานด้วยกันได้ หากสถานการณ์เปลี่ยน เงื่อนไขเปลี่ยน ลูกค้าก็พร้อมที่จะมองหาผู้ให้บริการรายอื่นอยู่ตลอดเวลา ล่ามเองก็ควรมีความพร้อมที่จะพัฒนาทักษะและความเชี่ยวชาญของตน (ที่ควรจะไม่เหมือนใคร) เพื่อดึงดูดลูกค้ารายใหม่ ๆ เช่นกัน หากเข้าใจความจริงข้อนี้เราจะสามารถปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ เพื่อปลดปล่อยตัวเองออกจากกับดักความคิดว่าเขาเป็น "ลูกค้าของฉัน" ได้ เมื่อออกมาจากกับดักได้แล้วย้อนมองกลับไปเราจะเห็นภาพรวมที่ชัดเจนขึ้น และเข้าใจได้ดีขึ้นว่าควรทำอย่างไรต่อไป การเปลี่ยนแปลงทั้งหลายเริ่มที่ใจ


 

เกี่ยวกับผู้เขียน

ร.ศ. ศศี จันทร์ประพันธ์ schanprapun@yahoo.com เป็นอาจารย์ประจำภาควิชาภาษาอังกฤษและภาษาศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นล่ามการประชุมอิสระ สมาชิกสมาคมล่ามการประชุมระหว่างประเทศ (AIIC) เป็นอาจารย์สอนโครงการปริญญาโทการแปลล่ามที่ศูนย์การแปลและล่ามเฉลิมพระเกียรติ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีความสนใจเรื่องการแปลและการแปลแบบล่าม ต้องการยกระดับวงการล่ามไทยให้มีมาตรฐานที่ดี และส่งเสริมศักดิ์ศรีในอาชีพล่าม

135 views0 comments

Comments


bottom of page